ความหมายและข้อมูลสารสนเทศ
ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงหรือส่ิงที่ถือหือยอมรับว่าเ็นข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริง หมายถึง ข้อความหรือเหตุการณ์ที่เ็นมาหรือที่เป็นอยู่ตามจริง ดังนั้นของมุูลจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคน สัตว์ สิ่งของ สภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ผ่านการเลือกสรร กลั่นกรอง หรือผ่านกระบวนการ กรรมวิธีการประมวลผล การวิเคราะห์สรุปที่่ถูกต้องและเหมาะสมจนได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้
ประโยชน์ของสารสนเทศต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
1. ให้ความรู้ ความเข้าใจ ทำให้เกิดการคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่าง ๆ
2. ใช้ในการวางแผนบริหารงานได้ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงบริหาร
3. ใช้ประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
4. ใช้ควบคุมสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
5. ช่วยในการบริหารงานให้มีระบบ ลดความซ้ำซ้อนและขั้นตอนที่ยุ่งยาก
วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สัญลักษณ์ในการเขียนผังงาน
สัญลักษณ์การเขียนผังงาน Flowchart
7. ไม่ควรเขียนเส้นของลูกศรเพื่อทำการเชื่อมโยงลำดับขั้นตอนที่อยู่ห่างกันมาก
การเขียนผังงาน เป็นการเขียนแผนภาพเพื่อแสดงขั้นตอนการทำงาน โดยนำภาพสัญลักษณ์
ต่าง ๆ มาเรียนต่อกัน สัญลักษณ์ที่นิยมใช้ในการเขียนผังงานนั้นหน่วยงานที่ชื่อว่า American
National Standards Institute (ANSI) และ International Standard Organization (ISO)
ได้ร่วมกันกำหนดสัญลักษณ์มาตรฐานเพื่อใช้ในการเขียนผังงานดังนี้
ลักษณะการเขียนผังงาน
ลักษณะผังงานที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1. ทุกผังงานต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเพียงอย่างล่ะ 1 แห่งเท่านั้น
2. ทุกสัญลักษณ์ของผังงานต้องมีลูกศรชี้ทิศทางเข้าและลูกศรชี้ทิศทางออกอย่างล่ะ 1 ลูกศร
3. สัญลักษณ์จุดเริ่มต้นมีเฉพาะลูกศรชี้ทิศทางออก
4. สัญลักษณ์การตัดสินใจมีลูกศรชี้ทิศทางเข้า 1 ทิศทางมีลูกศรชี้ทิศทางออก 2 ทิศทาง
5. ทิศทางของลำดับขั้นตอนของการทำงานนิยมเขียนจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวา
6. เส้นของลูกศรที่บอกทิศทางของลำดับขั้นตอนวิธีการทำงานไม่ควรเขียนตัดกัน หรือทับกัน
8. การเขียนผังงานในส่วนของการกำหนดค่า หรือการคำนวณค่านิยมใช้เครื่องหมายลูกศรแทนการ
ใช้เครื่องหมายเท่ากับ
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555
หลักการเขียนผังงานที่ดี
หลักการเขียนผังงานที่ดี
-ใช้สัญลักษณ์ตามที่กำ หนดไว้
-ใช้ลูกศรแสดงทิศทางการไหลของข้อมูลจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวา
- คำ อธิบายในภาพควรสั้นกะทัดรัด และเข้าใจง่าย
- ทุกแผนภาพต้องมีลูกศรแสดงทิศทางเข้า - ออก
- ไม่ควรโยงเส้นเชื่อมผังงานที่อยู่ไกลมาก ๆ ควรใช้สัญลักษณ์จุดเชื่อมต่อแทน- ผังงานควรมีการทดสอบความถูกต้องของการทำ งานก่อนนำ ไปเขียนโปรแกรม
ในการเขียนผังงาน เรามีหลักการจัดภาพทิศทางของผังงาน และข้อตกลงดังนี้
1.ทิศทาง เริ่มจากบนลงล่าง และจากซ้ายไปขวา
2. สัญลักษณ์ที่ใช้ต้องเป็นตามมาตรฐาน อาจมีขนาดต่าง ๆ กัน แต่รูปร่างเป็น
สัดส่วนตาม มาตรฐาน
3.หลีกเลี่ยงการโยงเส้นไปมา ในทิศทางที่ตัดกัน ให้ใช้เครื่องหมายแสดงจุด
ต่อเนื่องได้ และทุกจุดในผังงานไม่มีการปล่อยจุดใดจุดหนึ่งไว้ลอย ๆ
4.ใช้คำ อธิบายที่กะทัดรัดและเข้าใจได้ง่าย
5. มีความเป็นระเบียบ เรียบร้อย สะอาด และควรเขียน ชื่อของผังงาน ผู้เขียนวันที่
และเลขลำดับหน้าเสมอ
และเลขลำดับหน้าเสมอ
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
หลักการและวิธีการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการบรรยาย การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การประมวลผล การจัดเก็บ การจัดการหรือการกระทำกับข้อมูลข่าวสาร โดยใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ในการปฎิบัติงาน เพื่อให้ได้สารสนเทศหรือความรู้ที่นำมาใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้เกิดความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่ดี มีขั้นตอน ดังนี้
1.การรวบรวมข้อมูล เป็นการนำข้อมูลที่ต้องการจากหลาย ๆ แหล่งข้อมูลมารวมกันด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การให้กลุ่มเป้าหมายช่วยตอบแบบสอบถามที่ตนเองคิดขึ้นมา การอ่านรหัสแท่งจากแถบรหัสสินค้า หรืออ่านข้อมูลจากการฝนดินสอลงในกระดาษคำตอบในการทำข้อสอบ เป็นต้น
2.การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เป็นการนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มาตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องด้วยการใช้สายตามนุษย์หรือตั้งกฎเกณฑ์ให้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป
3.การประมวลผลข้อมูล เป็นการนำข้อมูลที่ได้ตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องแล้วมาทำการประมวลผลด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น จัดกลุ่ม จัดเรียงตามตัวอักษร และเปรีบเทียบหรือคำนวณข้อมูล เพื่อให้ได้ผลสรุปที่เป็นสารสนเทศและนำไปใช้งานได้
4.การจัดเก็บ เป็นการนำสารสนเทศที่ทำการประมวลผลแล้ว มาจัดเก็บในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือสื่อบันทึกชนิดอื่น ๆ เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี หน่วยความจำแบบแฟลซ(แฟลซไดรฟ์) เป็นต้น
5.การทำสำเนา เป็นการนำสารสนเทศที่จัดเก็บไว้มาทำสำเนาเพื่อสำรองสารสนเทศไว้ใช้หากข้อมูลต้นฉบับเกิดการสูญหาย และสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การถ่ายเอกสารเก็บไว้ในแฟ้ม การทำสำเนาลงในแผ่นซีดี แผ่นดีวีดี หรือหน่วยความจำแบบแฟรซ เป็นต้น
6.การเผยแพร่สารสนนเทศ เป็นการนำสารสนเทศไปแจกจ่ายให้ผู้อื่นได้มีความรู้ความเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การเผยแพร่ลงเว็บไซต์สาธารณะ กระดานสนทนา ทำแผ่นพับหรือใบปลิว ทำสำเนาลงในสื่อบันทึกข้อมูล วางไว้ในสถานที่ที่หยิบง่าย จัดป้ายนิเทศในบริเวณที่เป็นจุดสนใจหรืองานนิทรรศการ เป็นต้น
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิธีแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นวิธีที่อาจคล้ายกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการอื่น ๆ แต่มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการแก้ปัญหา หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ต้องมีการวิเคราะห์ปัญหาและศึกษาความเป็นไปได้ให้รอบคอบเสียก่อน ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษที่จะแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการศึกษาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อไม่ให้เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า ต้องเลือกวิธีแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับงาน จัดหาเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ไม่เกินจำเป็น
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ เหมาะกับระบบงานที่ต้องทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำซาก และมีปริมาณงานมาก หรืองานที่ต้องการความรวดเร็วในการคำนวณเกินกว่าคนธรรมดาจะทำได้ วิธีการโดยทั่วไปก็คือ ปรับเปลี่ยนวิธีการหรือระบบการทำงานแบบเดิมมาใช้ระบบงานที่มีคอมพิวเตอร์ช่วย ทำเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด เท่าที่สามารถจะทำแทนคนได้
หลักการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ มีหลักการสำคัญ คือ ปัญหาทุกปัญหาต้องสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวิธีการให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุน ด้านเวลา ด้านแรงงาน และค่าใช้จ่าย
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาร่วมกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถทำได้โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ต่าง ๆ และการเขียนโปรแกรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1.การใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ในการแก้ปัญหา เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ด ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยนต์ ไมโครซอฟต์เอกซ์เซล ไมโครซอฟต์แอกเซส ซอฟต์แวร์โปรเดสท็อบ เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมต่าง ๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาในการทำงานได้ ดังนี้
ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เวิร์ด(Microsoft Word) ช่วยแก้ปัญหาในการจัดทำงานเอกสารต่าง ๆ เช่น ช่วยให้การพิมพ์งานเอกสารทำได้รวดเร็วมากกว่าการใช้พิมพ์ดีดไฟฟ้า มีการตรวจสอบการสะกดไวยากรณ์เพื่อป้องกันการพิมพ์ที่ผิดพลาด สามารถลบคำผิดและปรับปรุงข้อความในเอกสารได้ง่ายและสะอาดเรียบร้อย โดยไม่ต้องใช้น้ำยาลบคำผิด แก้ปัญหาสิ้นเปลืองเวลาในการส่งจดหมายเวียนภายในองค์กรโดยพิมพ์จดหมายต้นแบบเพียงฉบับเดียวแล้วส่งไปให้ทุกหน่วยงานในองค์กรผ่านทางคอมพิวเตอร์แทนการถ่ายสำเนาเอกสาร แล้วให้คนส่งเอกสารนำส่งทีละหน่วยงาน เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เอกซ์เซล(Microsoft Excel) ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณตัวเลข จัดทำตารางข้อมูล
แผนภูมิและกราฟ เช่น การคำนวณตัวเลขหลายจำนวนในตารางข้อมูล การใช้สูตรคำนวณแทนการใช้เครื่องคิดเลข การจัดทำตารางข้อมูลให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย การใช้ข้อมูลในตารางสร้างแผนภูมิแลกราฟได้อย่างง่ายดาย ถูกต้องและแม่นยำ เป็นต้น
แผนภูมิและกราฟ เช่น การคำนวณตัวเลขหลายจำนวนในตารางข้อมูล การใช้สูตรคำนวณแทนการใช้เครื่องคิดเลข การจัดทำตารางข้อมูลให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย การใช้ข้อมูลในตารางสร้างแผนภูมิแลกราฟได้อย่างง่ายดาย ถูกต้องและแม่นยำ เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์แอกเซส(Microsoft Access) ช่วยแก้ปัญหาการจัดเก็บข้อมูล โดยจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก
ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะดวกต่อการค้นหาและนำมาใช้
ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะดวกต่อการค้นหาและนำมาใช้
ซอฟต์แวร์ไมโคซอฟต์เพาเวอร์พอยนต์(Microsoft PowerPoint) ช่วยแก้ปัญหาการนำเสนองาน โดยทำให้การ
สร้างงานนำเสนอทำได้ง่าย และน่าสนใจกว่าการนำเสนองานตามปกติที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์
สร้างงานนำเสนอทำได้ง่าย และน่าสนใจกว่าการนำเสนองานตามปกติที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์
ผลทันที รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุ อุปกรณ์มาเขียนแบบหรือสร้างชิ้นงานจำลอง
2.การเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา เป็นการใช้ความรู้ความสามารถด้านภาษาคอมพิวเตอร์และ
ประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ดังตัวอย่าง
ประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ดังตัวอย่าง
ภาษาคอมพิวเตอร์
|
การใช้งาน
|
ภาษาฟอร์แทน(Fortran)
|
ใช้แก้ปัญหาด้านการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และงานวิจัยต่าง ๆ
|
ภาษาโคบอล(COBOL)
|
ใช้แก้ปัญหาด้านงานธุรกิจ
|
ภาษาเบสิก(BASIC)
|
ใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทุกสาขาวิชา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักเขียนโปรแกรมอาชีพ และผู้ฝึกเขียนโปรแกรมใหม่ ๆ
|
ภาษาปาสคาล(Pascal)
|
ใช้ในการเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
|
ภาษาซีและซีพลัสพลัส(C และ C++)
|
ใช้ในการเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
|
ภาษาวิชวลเบสิก(Visual Basic)
|
ใช้สร้างโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้งานได้หลากหลายบนระบบปฎิบัติการวินโดวส์ และใช้เป็นโปรแกรมแบบรูปภาพ เช่น ปุ่มคำสั่งต่าง ๆ
|
ภาษาจาวา(Java)
|
ใช้เขียนโปรแกรมประยุกต์สำหรับเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต
|
ภาษาเดลไฟ(Delphi)
|
ใช้ในการเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพเพื่อสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ที่เป็นแบบรูปภาพ เช่น ปุ่มคำสั่งต่าง ๆ
|
โปรแกรมเชิงวัตถุและโปรแกรมเชิงจินตภาพแตกต่างกันอย่างไร
โปรแกรมเชิงวัตถุ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ จะแยกงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่าวัตถุ เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้ โดยสามารถนำมาประกอบและรวมกันได้ แต่จะเห็นผลลัพธ์เมื่อพัฒนาซอฟต์แวร์เสร็จแล้ว ในขณะที่โปรแกรมเชิงจินตภาพ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถมองเห็นผลลัพธ์ของงานได้ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโปรแกรมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้การพัฒนานั้นเสร็จสมบูรณ์โปรแกรมเมอร์/นักเขียนโปรแกรม(Programmer)
เป็นอาชีพที่ทำงานเกี่ยวกับการเขียนชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องภาษาคอมพิวเตอร์และการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
วิธีการแก้ปัญหา
มนุษย์ทุกคนต้องเคยพบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาการเรียน ปัญหาการทำงาน ปัญหาครอบครัว ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการแก้ปัญหาแตกต่างกันไป ตามความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ โดยใช้วิธีการแก้ปัญหาที่เคยศึกษาผ่านมาหรือเคยทดลองใช้แล้วประสบความสำเร็จ เช่น วิธีลองผิดลองถูก วิธีการขจัด วิธีการใช้เหตุผล เป็นต้น ซึ่งเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่า วิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ต่างมีขั้นตอนที่เหมือนกัน
วิธีการแก้ปัญหาเป็นหนึ่งในขั้นตอนการประมวลผลของกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งแบ่งได้
ขั้นตอน ดังนี้
1.การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา เป็นขั้นตอนการทำความเข้าใจกับปัญหา เพื่อแบ่งแยกให้ชัดเจนขั้นตอน ดังนี้
โดยใช้คำถามต่อไปนี้
ข้อมูลที่กำหนดมาในปัญหาหรือเงื่อนไขของปัญหาคืออะไร เพื่อ ระบุข้อมูลเข้า
สิ่งที่ต้องการคืออะไร เพื่อ ระบุข้อมูลออก
วิธีการที่ใช้ประมวลผลคืออะไร เพื่อ กำหนดวิธีการประมวลผล
ตัวอย่าง การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหาเกี่ยวกับการหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า
ระบุข้อมูลเข้า ® ความกว้างและความยาวของสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ระบุข้อมูลออก ® พื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า
กำหนดวิธีการประมวลผล ® นำความกว้าง และความยาวของสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาหาพื้นที่โดยการคู
2.การวางแผนในการแก้ปัญหาและถ่ายทอดความคิดอย่างมีขั้นตอน เป็นขั้นตอนการจำลองความคิดในการแก้ปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาสามารถเข้าใจและปฎิบัติตามไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งทำได้ 2 รูปแบบ ดังนี้
2.1การใช้ข้อความหรือคำบรรยาย เป็นการเขียนเค้าโครงแผนงานด้วยข้อความหรือคำบรรยายที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันหรือภาษาคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทราบขั้นตอนการทำงานของการแก้ปัญหาแต่ละขั้นตอน ดังตัวอย่าง
ตัวอย่าง การวางแผนหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้ข้อความหรือคำบรรยาย
เริ่มต้น
1.กำหนดค่าความกว้าง
2.กำหนดค่าความยาว
3.คำนวณหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าจากสูตร กว้าง x ยาว
4.แสดงผลค่าพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า
สิ้นสุด
2.2การใช้สัญลักษณ์ เป็นการใช้สัญลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ มาเรียงต่อกันเป็นแผนภาพเพื่อสื่อสารให้ผู้ที่พบเห็นเข้าใจตรงกัน ซึ่งสัญลักษณ์ที่กล่าวถึงนี้ได้กำหนดขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (ANSI : The American National Standard Institute) ดังตัวอย่าง
วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เคล็ดลับการสร้างเว็บ
จิตวิทยาเกี่ยวกับสี | |||||||||||||||||||||||||||
สีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบเว็บไซต์ การเลือกสีให้เข้ากับเนื้อหาของเว็บไซต์ จะทำให้เว็บไซต์มี ความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และยังส่งผลอย่างมากกับความสวยงามของเว็บไซต์
ความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่มีต่อสีต่างๆ
สีฟ้าให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศักดิ์ศรี สูงศักดิ์ เป็นระเบียบถ่อมตน สามารถลดความตื่นเต้น และช่วยทำให้มีสมาธิ แต่ถ้ามีสีน้ำเงินเข้มเกินไป ก็จะทำให้รู้สึก ซึมเศร้าได้ สีเขียว เป็นสีในวรรณะเย็น จะสร้างความรู้สึกเย็นสบาย ใช้เป็นสีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ให้ความรู้สึก สงบ เงียบ ร่มรื่นร่มเย็น การพักผ่อน การผ่อนคลาย ธรรมชาติ ความปลอดภัย ปกติ ความสุข ความสุขุม เยือกเย็น สีเหลือง เป็นสีแห่งความเบิกบาน เร้าอารมณ์ และเรียกร้องความสนใจ ให้ความรู้สึกแจ่มใส ความสดใส ความร่าเริงความ เบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อำนาจบารมี ให้ลองสังเกตดูว่า วันที่ท้องฟ้ามืดครื้มปราศจากแสงแดด เราจะรู้สึกหงอยเหงา หดหู่ แต่พอมีแสงแดด ท้องฟ้า สว่าง มีสีเหลือง เราจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น สีแดง เป็นสีที่สร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นสมอง สีแดงปานกลางแสดงถึงความมีสุขภาพดี ความมีชีวิต ความรัก ความสำคัญ ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง สีแดงจัดมีความหมายแฝงด้านกามารมณ์ นอกจากนี้สีแดงยังสร้างความรู้สึกรุนแรง ให้ความรู้สึกร้อน กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น เร้าใจ มีพลัง มันจะใช้กันกรณีที่เกี่ยวกับความตื่นเต้น หรืออันตราย สีม่วง ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำนาจ มีพลังแฝงอยู่ ความรัก ความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์ เป็นสีที่ปลอบโยน และช่วยลดความเครียด แต่เดิมสีม่วงได้มาจากสัตว์มีกระดอง,เปลือก ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อว่า Purpura จึงได้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Purple สีส้ม ให้ความรู้สึก ร้อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึกคะนอง การปลดปล่อย ความเปรี้ยว การระวัง เป็นสีที่เร้าความรู้สึก ปรกติควรใช้แต่น้อยเมื่อเทียบกับสีอื่น สังเกตว่าคนที่อยู่ในห้องสีส้มจะอยู่ได้ไม่นาน สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น ได้พักผ่อน แต่ควรใช้ร่วมกับสีส้ม เหลือง หรือสีทอง เพราะถ้าใช้สีน้ำตาลเพียงสีเดียว อาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ได้ สีเทา ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความสงบ ความเงียบ สุภาพ สุขุม ถ่อมตน สีนี้มีข้อดีคือทำให้เย็น แต่สร้างความสร้างความรู้สึกหม่นหมองได้ ควรใช้ร่วมกับสีที่มีชีวิต โทนสว่างอย่างน้อยหนึ่งสี สีขาว ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิดเผย การเกิด ความรัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความศรัทธา ความดีงาม ให้ความรู้สึกรื่นเริง โดยเฉพาะเมื่อใช้กับสีแดง เหลือง และส้ม | |||||||||||||||||||||||||||
|
เบื้องต้น Dreamweaver CS4
ประวัติความเป็นมาของโปรแกรม Dreamweaver | |||||
Adobe Macromedia Dreamweaver
ผู้พัฒนา อะโดบีซิสเต็มส์ (เริ่มพัฒนาโดย แมโครมีเดีย)
รุ่นเสถียร ล่าสุด CS4 (10.0) รุ่นทดลอง ล่าสุด (27 มีนาคม พ.ศ. 2550) โอเอส Windows Mac OS X ชนิด โปรแกรมแก้ไข HTML ลิขสิทธิ์ Closed source เว็บไซต์ http://www.adobe.com/
อะโดบี ดรีมวีฟเวอร์ (Adobe Dreamweaver) หรือชื่อเดิมคือ แมโครมีเดีย ดรีมวีฟเวอร์ (Macromedia Dreamweaver) เป็นโปรแกรมแก้ไข HTML พัฒนาโดยบริษัทแมโครมีเดีย
(ปัจจุบันควบกิจการรวมกับบริษัท อะโดบีซิสเต็มส์) สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ ในรูปแบบ WYSIWYG กับการควบคุมของส่วนแก้ไขรหัส HTML ในการพัฒนาโปรแกรม ที่มีการรวมทั้งสองแบบเข้าด้วยกันแบบนี้ ทำให้ ดรีมวีฟเวอร์เป็นโปรแกรมที่แตกต่าง จากโปรแกรมอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน ในช่วงปลายปีทศวรรษ 2533 จนถึงปีพ.ศ. 2544 ดรีมวีฟเวอร์มีสัดส่วนตลาดโปรแกรมแก้ไข HTML อยู่มากกว่า 70% ดรีมวีฟเวอร์มีทั้งใน ระบบปฏิบัติการแมคอินทอช และไมโครซอฟท์วินโดวส์ ดรีมวีฟเวอร์ยังสามารถทำงาน บนระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ ผ่านโปรแกรมจำลองอย่าง WINEได้ รุ่นล่าสุดคือ ดรีมวีฟเวอร์ CS4
การทำงานกับภาษาต่างๆ
ดรีมวีฟเวอร์ สามารถทำงานกับภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนเว็บไซต์แบบไดนามิค ซึ่งมีการใช้ HTML เป็นตัวแสดง ผลของเอกสาร เช่น ASP, ASP.NET, PHP, JSP และ ColdFusion รวมถึงการจัดการฐานข้อมูลต่างๆ อีกด้วย และใน เวอร์ชันล่าสุด (เวอร์ชัน CS4) ยังสามารถทำงานร่วมกับ XML และ CSS ได้อย่างง่ายดาย
รุ่นต่างๆ
Dreamweaver 1.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1997) Dreamweaver 1.2 (มีนาคม ค.ศ. 1998) Dreamweaver 2.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1998) Dreamweaver 3.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1999) Dreamweaver UltraDev 1.0 (มิถุนายน ค.ศ. 2000) Dreamweaver 4.0 (ธันวาคม ค.ศ. 2000) Dreamweaver UltraDev 4.0 (ธันวาคม ค.ศ. 2000) Dreamweaver MX (พฤษภาคม ค.ศ. 2002) Dreamweaver MX 2004 (10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003) Dreamweaver 8 (13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005) Dreamweaver CS3 Dreamweaver CS4 | |||||
ที่มาของข้อมูลและภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~g5166298/lesson5.html ความสามารถของโปรแกรม Dreamweaver การใช้งานเบื้องต้น (สิ่งที่ควรทราบ)
|
แถบคำสั่ง (Menu Bar) เป็นแถบที่ใช้เก็บคำสั่งทั้งหมดของโปรแกรม • แถบคำเครื่องมือ (Toolbar) รวบรวมปุ่มคำสั่งที่ใช้งานบ่อย • แถบวัตถุ (Object Palette) เป็นกลุ่มเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมวัตถุ บนชิ้นงาน เอกสารเว็บ เช่น เส้นกราฟิก (Horizontal Rule), ตาราง, รูปภาพ, เลเยอร์ (Layer) • แถบแสดงสถานะ (Status Bar) คอยแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ของเรา • แถบควบคุมการทำงาน (Properties Palette) เป็นรายการที่ปรับเปลี่ยนได้ ตามลักษณะการเลือกข้อมูล เช่น หากมีการ เลือกที่จะพิมพ์ หรือแก้ไขเนื้อหา รายการก็จะเป็น ส่วนทำงานที่เกี่ยวกับอักษร, การจัดพารากราฟ ถ้าเลือกที่รูปภาพ รายการในแถบนี้ ก็จะเป็นคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับ การควบคุมเรื่องรูปภาพ • ส่วนของ Panel Group เป็นกลุ่มของแถบเครื่องมือที่สามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ง่ายในการสร้าง Application บนอินเทอร์เน็ต เช่น การแทรก Code ของ JavaScript และ VBScript ลงในเว็บเพจได้อย่างง่ายๆ โดยสามารถเรียกใช้งานได้จาก Panel Group |
วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
การใช้งาน Dreamweaver 8
ความรู้พื้นฐานก่อนการสร้างเว็บไซต์
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรวมเอาเครือข่ายย่อยเป็น
จำนวนมากต่อเชื่อมภายใต้มาตรฐานเดียวกันจนเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้ทั่วโลกเชื่อมโยงกัน เป็นเครือข่ายเดียวกันได้ในรูปแบบ ของ เวิลด์ ไวด์ เว็บ (World Wide Web)
จำนวนมากต่อเชื่อมภายใต้มาตรฐานเดียวกันจนเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้ทั่วโลกเชื่อมโยงกัน เป็นเครือข่ายเดียวกันได้ในรูปแบบ ของ เวิลด์ ไวด์ เว็บ (World Wide Web)
ลักษณะของเวิล์ด ไวด์ เว็บ (World Wide Web)
เวิล์ด ไวด์ เว็บ (World Wide Web – www) หรือเรียกย่อ ๆ ว่าเว็บ (Web) เป็นอินเทอร์เน็ตชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในรูปแบบของกราฟิก (Graphic) และมัลติมีเดีย (Multimedia) ซึ่งประกอบด้วยข้อความ (Text) ภาพ (Image) เสียง (Sound) และ ภาพเคลื่อนไหว (Movie) เป็นต้น ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าไปในเว็บได้ง่ายและจะได้รับข้อมูลครบถ้วนปัจจุบันถ้าพูดถึงอินเทอร์เน็ต คนทั่วไปจะเข้าใจว่าหมายถึงเว็บ ทั้งที่จริงแล้วเว็บเป็นส่วนหนึ่งของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
เว็บไซต์ (Website) และเว็บเพจ (Webpage)
เอกสารหรือส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ในเว็บ เรียกว่า เว็บเพจ (Webpage) หมายถึง เอกสารหนึ่งหน้า
การใช้เว็บก็คือ การเปิดอ่านหรือเปิดใช้เว็บแต่ละหน้านั่นเอง เว็บเพจอาจสร้างขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น HTML, ASP, PHP, JAVA ฯลฯ
เมื่อนำเว็บเพจหลาย ๆ หน้ามารวมกันและระบุอยู่ในอินเทอร์เน็ต หรือ ยูอาร์แอล (Uniform Resource Locator – URL) ให้กับเว็บเพจกลุ่มนั้นจะเรียกว่า เว็บไซต์ (Web Site)
เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาจะพบกับหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งเรียกว่า โฮมเพจ (Homepage) ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดและเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจและเว็บไซต์อื่น ๆ
การใช้เว็บก็คือ การเปิดอ่านหรือเปิดใช้เว็บแต่ละหน้านั่นเอง เว็บเพจอาจสร้างขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น HTML, ASP, PHP, JAVA ฯลฯ
เมื่อนำเว็บเพจหลาย ๆ หน้ามารวมกันและระบุอยู่ในอินเทอร์เน็ต หรือ ยูอาร์แอล (Uniform Resource Locator – URL) ให้กับเว็บเพจกลุ่มนั้นจะเรียกว่า เว็บไซต์ (Web Site)
เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาจะพบกับหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งเรียกว่า โฮมเพจ (Homepage) ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดและเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจและเว็บไซต์อื่น ๆ
เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser)
เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) คือ โปรแกรมที่ใช้สำหรับเปิดเว็บเพจหรือรับส่งข้อมูลตามที่เครื่องลูกข่ายร้องขอเมื่อเราเปิดเข้าสู่อินเทอร์เน็ต เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมปัจจุบันมีหลายโปรแกรม
เช่น Microsoft Internet Explorer (IE), Google Chrome, Mozilla Firefox และ Opera
เช่น Microsoft Internet Explorer (IE), Google Chrome, Mozilla Firefox และ Opera
ภาษา HTML
ภาษา HTML ย่อมาจากคำว่า Hypertext Markup Language เป็นภาษาที่ใช้สำหรับสร้างเว็บเพจ โดยจะได้รับการแปลหรือการแสดงผลโดยเว็บเบราว์เซอร์ซึ่งสามารถแสดงได้ทั้งข้อความ ภาพ และเสียง
โดเมนเนม (Domain Name)
โดเมนเนม (Domain Name) หรือที่เข้าใจกันทั่วไป คือ ชื่อเรียกเว็บไซต์นั่นเอง การจดทะเบียนโดเมนเนมจึงเป็นการลงทะเบียนชื่อให้กับเว็บไซต์ของเราในโลกอินเทอร์เน็ต โดเมนเนมที่ขอจดทะเบียนจะต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น และควรตั้งให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ หรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและ
การบริการ ตลอดจนใช้คำง่าย ๆ ให้จำได้ เช่น sanook.com และ yahoo.comเป็นต้น
การบริการ ตลอดจนใช้คำง่าย ๆ ให้จำได้ เช่น sanook.com และ yahoo.comเป็นต้น
บทที่ 1 ทำความรู้จักกับ Dreamweaver
Macromedia Dreamweaver 8 เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับสร้างเว็บเพจและบริหารเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มโปรแกรมประเภทเดียวกันในปัจจุบัน เนื่องจากคุณสมบัติของโปรแกรมมีความสะดวกต่อการใช้งาน มีฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดวางข้อความ รูปภาพ ตาราง ฟอร์ม วิดีโอ รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ภายในเว็บเพจได้อย่างสวยงามตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยไม่ต้องใช้ภาษาสคริปต์ที่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนก่อน ด้วยความสามารถและคุณสมบัติของโปรแกรม จึงเหมาะสมในการใช้อย่างยิ่ง
การเปิดใช้งานโปรแกรม
หลังจากติดตั้งโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว สามารถเรียกใช้งานโปรแกรม โดยเรียกผ่านปุ่ม Start มีวิธีทำ คือ
1. คลิกที่ปุ่ม Start บนทาสก์บาร์
2. เลือกคำสั่งย่อย Programs >> Macromedia >> Macromedia Dreamweaver 8 เรียกผ่านไอคอน บนเดสก์ทอป
หลังจากที่เลือก การทำงานในส่วนที่ 2 แล้ว เลือก HTML เราจะพบกับหน้าต่างการทำงาน ซึ่งประกอบด้วย
1.Title Bar คือ ส่วนที่แสดงชื่อโปรแกรม และชื่อไฟล์ที่กำลังทำงานอยู่
2.Menu Bar คือ ส่วนที่รวมคำสั่งการทำงานทั้งหมด แล้วแบ่งย่อยตามประเภทและในคำสั่งหลักมักจะมีเมนูลัดให้กดด้วย
3.Object Palette คือ แถบแสดงปุ่มต่างๆของโปแกรม
หากเราคลิกปุ่ม Show as Tabs ก็จะเป็นการแสดงเครื่องมือดังนี้
Check Errors ตรวจสอบข้อผิดพลาดจาก Browser
File Management จัดการกับไฟล์ๆ ที่อยู่ในเว็บเพจ
Preview / Debug in Browser ทดลอง ดูเว็บเพจทาง Browser หรือกด F12
View Options มุมมองในการทำงานเพิ่มเติม
5.หน้าต่างออกแบบเว็บเพจ ใช้พิมพ์ข้อความและจัดเรียงรูปภาพ
6.Tag Selector ใช้ควบคุมการทำงานในรูปแบบ HTML
7.Window Size กำหนดพื้นที่ใช้งานตามต้องการ
6.Tag Selector ใช้ควบคุมการทำงานในรูปแบบ HTML
7.Window Size กำหนดพื้นที่ใช้งานตามต้องการ
8.Estimate Download Time แสดงเวลา ที่ใช้ในการดาวน์โหลด
9.Properties ใช้กำหนดรูปแบบต่างๆ ของตัวอักษร และรูปภาพ รวมถึงการสร้างลิงค์
หน้าต่าง Proties สามารถจะเปิดปิดได้ตามต้องการด้วยการคลิกที่ เพื่อขยายหน้าต่างการทำงานให้มากขึ้น
หรือคลิกที่ Window > properties ก็ได้เช่นกัน
9.Properties ใช้กำหนดรูปแบบต่างๆ ของตัวอักษร และรูปภาพ รวมถึงการสร้างลิงค์
หน้าต่าง Proties สามารถจะเปิดปิดได้ตามต้องการด้วยการคลิกที่ เพื่อขยายหน้าต่างการทำงานให้มากขึ้น
หรือคลิกที่ Window > properties ก็ได้เช่นกัน
10. Dockable Window เปิดหน้าต่างที่รวบรวมเครื่องมืออำนวยความสะดวกเอาไว้ โดยคลิกที่ เพื่อเปิด-ปิดได้ เช่นเดียวกับ Properties
ไฟล์ภาพชนิดใดสามารถนำมาใช้ในเว็บเพจได้บ้าง
1. ไฟล์.gif เป็นไฟล์ชนิดแรกที่แสดงผลบนบราวเซอร์ได้ทุกชนิด โดยส่วนใหญ่ไฟล์ .gif มีเป็นรูป
ประเภท ที่มีสีพื้นเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการไล่สี เช่น รูปโลโก้ รูปการ์ตูน ไฟล์รูปที่กำหนดพื้นหลังเป็น
แบบโปร่งใส หรือไฟล์ภาพเคลื่อนไหว
2. ไฟล์ .jpg เป็นไฟล์ชนิดแรกที่แสดงผลบนบราวเซอร์ได้ทุกชนิด เช่นกัน ไฟล์รูปชนิดส่วนใหญ่
เ็ป็นภาพถ่าย หรือภาพที่มีรายละเอียดการไล่สีเยอะ ๆ
3. ไฟล์.png เป็นไฟล์ที่เพิ่งมีการพัฒนาขึ้นมาใช้บนบราวเซอร์ แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)